พัดยศสมณศักดิ์ น่าจะมีที่มาจากตาลปัตร
ซึ่งตามหลักฐานพบว่า ในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ หรือ พระเจ้าอู่ทอง
ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ได้มีกฎหมายที่กล่าวถึงการใช้ตาลปัตร (สมัยนั้นใช้
คำว่า ตาลีปัต) เมื่อ พ.ศ. ๑๘๙๔ ในสมัยพระบรมไตรโลกนาถ
ได้มีการติดต่อทางการพระพุทธศาสนากับสิงหฬทวีป คือประเทศ ลังกาก็มีหลักฐานพบว่า
กษัตริย์ลังกาได้พระราชทานของควรแก่สมณหลายอย่างแก่พระเถระมอญ ที่ชาวไทย
ส่งไปบวชแปลงเป็น นิกายลังกาวงศ์ ในบรรดาของควรแก่สมณดังกล่าว มีตาลปัตรรวมอยู่ด้วย
มีลักษณะเป็นพัดพื้นแพรรูปคล้ายพัดรองของไทย ด้ามเป็นงา แต่กลึงสั้นกว่า
ต่อมาในรัชสมัยพระเจ้าบรมโกฐ
ทางลังกาขอคณะสงฆ์ไทยไปตั้งสมณวงศ์ที่เรียกว่า สยามวงศ์ ที่ลังกา
ในจดหมายเหตุทูตลังกา ตอนเข้าเฝ้าพระสังฆราชไทยว่า "มีบัลลังก์ตั้งพัดยศ
ด้ามงาสองเล่ม เล่มหนึ่งพื้นพัด สานด้วยงา อีกเล่มหนึ่งพื้นกำมะหยีสีแดง
ปักเป็นลวดลายด้วยทองและเงิน" แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการของ พัดยศมาตามลำดับ
ทั้งไทยและลังกา ซึ่งมีความสัมพันธ์ทางพุทธศาสนานิกายเถรวาทมาอย่างแนบแน่น
ยาวนาน
พัดยศสมณศักดิ์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน มีรูปลักษณะและสี
แตกต่างกันไปตามลำดับชั้นนั้น ๆ เริ่มตั้งแต่ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก
ชั้นสมเด็จพระราชาคณะ ชั้นเจ้าคณะรอง ชั้นธรรม ชั้นเทพ
ชั้นราช ชั้นสามัญ พระครูสัญญาบัตรชั้นพิเศษ ชั้นเอก
ชั้นโท ชั้นตรี พระเปรียญธรรม ตั้งแต่ ๓ ประโยดถึง ๙ ประโยค
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทาน
เป็นการยกย่องและประกาศคุณงามความดีของพระภิกษุสงฆ์
ผู้มีความสมควรตามฐานานุรูป เพื่อสืบต่อพระพุทธศาสนา
ให้ดำรงอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป