คนที่ตั้งหน้าทำแต่ความดีทำไมจึงไม่ได้ดีเหมือนคนชั่วบางคน?

                หลังจากที่หลวงพ่อได้เมตตา คลี่คลายความเคลือบแคลงสงสัยในการเจริญพระกรรมฐานให้ข้าพเจ้า จนเกิดความกระจ่างแล้วข้าพเจ้าก็ได้พยายามฝึกฝนตนเองไปเรื่อยๆ โดยมิได้ว่างเว้นจนสามารถที่จะทรงฌาน 2 ได้ในทันทีที่คิดจะเจริญพระกรรมฐานกล่าวคือเพียงแค่คิดแล้วสูดลมหายใจเข้ายังมิทันจะออกก็สามารถเข้าสู่ฌาน 2 ได้แล้ว และต่อจากนั้นเพียงแค่ 2-3 นาที ก็จะสามารถเข้าสู่ฌาน 3 ได้แล้ว ก็ทรงอยู่เช่นนั้นได้เป็นระยะเวลาที่ยาวนานมากพอสมควรแต่ยังไม่สามารถทรงฌาน 4 ได้ตามกำหนดระยะเวลาที่ตั้งใจไว้

                และในขณะที่ข้าพเจ้ากำลังมุ ที่จะเจริญพระกรรมฐานอยู่นั้นก็บังเอิญมีเรื่องๆ หนึ่งเข้ามาขัดจังหวะ ก่อให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยในผลการปฏิบัติ ว่าจะไม่มีผลดีจริงตามที่คิด กล่าวคือในขณะนั้นมีการฝึกซ้อมรบที่กองบิน 4 ถึงสามวัน สามคืน และในช่วงระยะเวลาดังกล่าวข้าพเจ้าและบรรดาผู้ที่เข้ารับการฝึกทั้งหมดก็จะต้องอยู่ ณ ที่ตั้งกองบัญชาการฝึกตลอดเวลาอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งานของศูนย์ข่าวที่ข้าพเจ้าต้องรับผิดชอบนั้น หนักมากเพราะเป็นการฝึกรบกันทางกระดาษมิได้รบจริง ดังนั้นข่าวที่ทางหน่วยเหนือส่งมาก็ดี และการปฏิบัติที่ทางกองบิน 4 จะต้องรายงานผลย้อยกลับไปยังหน่วยเหนือก็ดี จึงมีมากมาย จนข้าพเจ้าต้องโดดเข้าไปช่วยเจ้าพนักงานศูนย์ข่าวซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าพเจ้า รับส่งข่าวด้วยตนเองอยู่ตลอดเวลา นอกจากนั้นข่ายการติดต่อสื่อสารไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ก็ดี โทรคมนาคมก็ดี มักจะเกิดปัญหา

ในทุกครั้งที่ฝนตก ซึ่งข้าพเจ้าก็จะต้องควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชาออกตรวจซ่อม

หนาวสั่นกันอยู่หลายฝนอีกด้วยในขณะที่นายทหารสัญญาบัตรของกองบิน 4 ทั้งหลายนั่งล้อมวงจิบกาแฟคุยกันบ้าง เล่นไพ่ เล่นโดมิโนกันบ้างนานๆ ครั้งจะชะโงกหน้ามาขอดูข่าวที่รับ ที่ส่งบ้างเท่านั้น แต่สิ่งที่เขาเหล่านั้นระวังกันมากที่สุดก็คือผลัดกันคอยดูว่ารถผู้บังคับการกองบิน 4 จะเข้ามาที่กองบัญชาการฝึกหรือยังหากเห็นรถมาแต่ไกล วงสนทานา วงไพ่ วงโดมิโน จะแตกทันทีและทุกคนจะรีบเข้าประจำที่ ดึงเอกสารต่างๆ ออกมาวางกันอย่างล้นเหลือและบางคนยิ่งกว่านั้น วิ่งออกไปรับหน้าผู้บังคับการกองบินถึงที่รถพร้อมกับรายงานผลการปฏิบัติในการฝึกที่ผ่านมาทั้งหมดให้ผู้บังคับการกองบินทราบทั้งๆ ที่หาใช่หน้าที่ของตนแต่อย่างใดไม่ ทั้งนี้เพราะหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละสายงานก็ได้แบ่งกันไว้โดยชัดเจนแล้วหน้าที่ผู้รับผิดชอบในแต่ละสายงานจะต้องเป็นผู้รายงานเอง จึงจะถูกต้อง

                เมื่อการฝึกซ้อมรบเสร็จสิ้น ก็มีการสรุปผลและติชม ผลที่ออกมาก็คือ ทุกสายงานได้รับคำชมเชยหมดยกเว้นในสายงานสื่อสารที่ข้าพเจ้ารับผิดชอบเพียงงานเดียวที่ถูกตำหนิว่า ยังมีขีดความสามารถต่ำไม่สามารถสนับสนุนแผนการยุทธการ และหน่วยงานอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าที่ควรอันเป็นผลให้ในปีนั้นข้าพเจ้าเกือบจะถูกงดบำเหน็จในขณะที่เพื่อนๆ ในสายงานอื่นเขาได้บำเหน็จกัน 2 ขั้นกันทุกคนโดยถ้วนหน้า

                เรื่องนี้ได้ประทับรอยแห่งความผิดหวังท้อแท้เกลียดชังและไขว้เขวลงในใจข้าพเจ้าเป็นอย่างมาก นี่หรือคือความยุติธรรม ข้าพเจ้าอยากจะหัวเราะเยาฟ้าดินให้ก้องโลก คนนั่งคุยกันนั่งเล่นไพ่เล่นโดมิโนต่างพากันได้รับคำชมเชย และได้บำเหน็จ 2 ขั้นเป็นการตอบแทนส่วนข้าพเจ้าซึ่งทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ ให้กับงาน กลับถูกตำหนิ และเกือบถูกงดบำเหน็จ นี่หรือทำดีได้ดี ทำชั่ว?

                การที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา ทำให้ข้าพเจ้าต้องคิดหนัก และยิ่งคิดหนักก็ยิ่งเกิดความไขว้เขว และไม่สนใจในผลปฏิบัติดีปฏิบัติชอบยิ่งขึ้น กล่าวคือในระยะเวลานั้น กองบิน 4 มีทหารอเมริกันเข้ามาตั้งฐานทัพอยู่ด้วย ทำให้มีพ่อค้านักธุรกิจเข้ามาประมูลงานกันอย่างคับคั่ง ทั้งงานสร้างอาคารสำนักงาน ถนน สนามบิน ตัดหญ้า ขนขยะ รถเช่า ร้านอาหาร ร้านขายของต่างๆ ตลอดจนในด้านบันเทิงไม่ว่าจะเป็น เรื่องนักร้อง นักดนตรี ตามสโมสรของอเมริกาด้วย ปรากฏว่าข้าราชการกองบิน 4 ที่ร่ำรวยกัน ขึ้นมาอย่างผิดหูผิดตาก็คือ บรรดาข้าราชการที่หลบเลี่ยงงานราชการแล้วใช้อำนาจหน้าที่ของตนวิ่งเต้นช่วยเหลือบรรดาพ่อค้าบ้าง ร่วมมือกับทหารอเมริกาเอาของในพีเอ๊กซ์ เช่นเหล้าบุหรี่ เครื่องเสียง ที.วี ตู้เย็นไปขายบ้าง

ข่มขู่ผู้ที่เข้ามาประมูลขอค่าคุ้มครองบ้างเป็นต้น และนอกจากเขาเหล่านั้นจะพากันร่ำรวยด้วยการเลี่ยงงานราชการแล้ว แทนที่ผู้บังคับจะตำหนิหรือลงโทษกลับได้รับการสนับสนุน ยกย่อง และให้ความเกรงอกเกรงใจเป็นพิเศษเสียอีกด้วยซ้ำไปด้วยเหตุผลที่ว่าเขาเหล่านั้นมีบุญคุณหาเงินมาช่วยสวัสดิการของหน่วย สิ้นปีเผลอๆ ยังแอบให้บำเหน็จ 2 ขั้นอีกด้วยซ้ำไปส่วนข้าราชการดีๆ ที่ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ ทำงานให้หน่วยนั้นอย่าว่าแต่ถึงขั้นเลี่ยงงานเลย เพียงแค่มาทำงานสาย หรือช้าไปเพียง 5 นาทีก็ถูกลงโทษแล้ว นี่หรือความยุติธรรมนี่หรือทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

                นอกจากนี้ยังมีคนเลวๆ อีกมากมายที่ส่อให้เห็นเป็นที่ประจักษ์อย่างชัดแจ้งว่าคดโกงประชาชน โกงกินบ้านกินเมือง ลบหลู่ศาสนาและกระทำตนเป็นมารสังคม ตลอดมา โดยที่หาได้สนใจในเรื่องของทาน ศีล ภาวนาไม่แม้สักน้อยนิด แต่ก็ได้ดิบได้ดีร่ำรวยเป็นเศรษฐีมีชื่อเสียงเกียรติยศ จนเป็นถึงรัฐมนตรีก็มีไม่น้อย

                เมื่อข้าพเจ้าบังเกิดความเคลือบแคลงสงสัยขึ้นมาเช่นนี้ และได้พิจารณาแล้วเห็นว่าหากไม่สามารถคลี่คลายความเคลือบแคลงสงสัยในข้อนี้ได้ ก็จะเป็นอุปสรรคอย่างใหญ่หลวงในการเจริญพระกรรมฐานได้ ดังนั้นในวันหนึ่งข้าพเจ้าจึงได้ไปกราบนมัสการหลวงพ่อแล้วเล่าเรื่องต่างๆ ที่ข้าพเจ้าข้องใจดังที่ได้กล่าวแล้วข้างต้นทั้งหมดให้หลวงพ่อฟังแล้วเน้นถามว่า

                “หลวงพ่อครับ คนที่ตั้งหน้าตั้งตากระทำแต่ความดีทำไมจึงไม่ได้ดีเหมือนคนชั่วบางคนเล่าครับ

          “ถ้าคุณเริ่มปลูกต้นมะม่วงในวันนี้ คุณจะเก็บมะม่วงกินได้สักเมื่อใด?” หลวงพ่อย้อนถาม

“เอ ผมก็ไม่ค่อยจะมีความรู้ในเรื่องของมะม่วง แต่ที่บ้านผมปลูกไว้ไม่ต่ำกว่า 5 ปี จึงจะออกผลครับ”ข้าพเจ้าตอบ ชักลังเลไม่แน่ใจว่าหลวงพ่อฟังเรื่องที่ข้าพเจ้าหรือฟังคำถามของข้าพเจ้าหรือเปล่า

“เหนื่อยสิครับ เพราะดินที่บ้านผมเป็นดินเปรี้ยว ต้องขุดหลุมกว้างถึง 1 เมตร ยาว 1 เมตร ลึก 1 เมตรแล้วหาดินใหม่มาใส่แทนอีกทั้งต้องให้ปุ๋ยและเอาปูนขาวลงไว้รอบๆ หลุมอีกด้วยครับ” ข้าพเจ้าตอบตามความเป็นจริง

“ปลูกต้นมะม่วงเหนื่อย แต่ก็ยังไม่ได้กินผลในทันทีแล้วตอนนี้คุฯต้องคอยดูแลต้นมะม่วงของคุณอีกหรือไม่?” หลวงพ่อยังถามเรื่อยๆ

“ไม่แล้วครับ ปล่อยทิ้งๆ ขว้างๆ หากเกิดขยันเมื่อไรผมจึงรดน้ำให้บ้าง แต่ก็นานๆทีครับ”ข้าพเจ้าตอบ

“แล้วมันออกลูกให้คุณกินทุกปีไหม?” หลวงพ่อถามยิ้มๆ

“ทุกปีแหละครับ มากบ้างน้อยบ้าง สุดแล้วแต่ว่าเพลี้ยจะลงหรือไม่ครับ”ข้าพเจ้าตอบตามความเป็นจริง

“คุณคิดบ้างไหมว่า ในขณะนี้คนอื่นๆที่เขาเพิ่งเริ่มปลูกมะม่วงน่ะเขาอิจฉาคุณนะ เพราะเขาคิดว่าเขาต้องลงทุนลงแรงเหน็ดเหนื่อยถางหญ้า ขุดหลุม รดน้ำ พรวนดิน ให้ปุ๋ย ฉีดยาฆ่าแมลง เพื่อทำนุบำรุงต้นมะม่วงของเขาอยู่ทุกวี่ทุกวัน มิหนำซ้ำมะม่วงก็หาได้อกผลมาให้เขาได้ชื่นชม เก็บมาได้บ้างเลย ผิดกับคุณซึ่งนั่งๆนอนๆอยู่เฉยๆ มะม่วงของคุณก็ออกผลมาให้คุณกินอยู่ทุกปี มิได้ขาด” หลวงพ่อพูดเรื่อยๆ

“อ้าว เขาจะมาคิดอิจฉาผมอย่างนั้นก็ไม่ถูกซิครับ เขาน่าจะคิดว่าย้อนกลับไปเมื่อ 5-6 ปีที่แล้วซิว่า ในขณะที่เขามัวแต่เที่ยวเตรีหาความสุขอยู่นั้นน่ะ ผมต้องงลงทุนลงแรงอาบเหงื่อต่างน้ำมากับเจ้าต้นมะม่วงของผม มิได้ยิ่งหย่อนไปกว่าเขาเลยนะครับ หนอยแน่ พอเริ่มลงมือปลูกก็จะกินผลเลยเป็นไปได้ยังไงกัน ก็ต้องเหนื่อยไปก่อนซิครับ อีก 5-6 ปีโน่นจึงค่อยคิดจะกินมะม่วงที่ปลูก ผมก็เองต้องรอมาก่อนเหมือนกันนะครับ” ข้าพเจ้าตอบด้วยเหตุด้วยผล

“นี่คุณกำลังตอบคำถามของคุณเอง แทนฉันไปหมดสิ้นแล้วนะ”หลวงพ่อพูดยิ้มๆ และเมื่อเห็นข้าพเจ้ายังนั่งงงอยู่ก็อธิบายว่า “คนที่เขาร่ำรวยมั่งมีศรีสุข หรือประสบความสำเร็จในอดีตชาตินั่นเอง ดังนั้นเมื่อเขามา
เกิดในชาตินี้บุญที่เขาได้สร้างสมมา จึงมาตอบสนองให้เขามีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย แต่ถ้าเขาคอบนั่งกินบุญเก่าอยู่ โดยไม่สร้างบุญใหม่เพิ่มเติมในชาตินี้ มิหนำซ้ำกลับสร้างแต่ความชั่ว ดังที่คุณเล่ามาแล้ว ก็นับว่าเขาเหล่านั้นตกอยู่ในความประมาทอย่างมากแบะเป็นที่น่าเสียดายยิ่งนัก เพราะถ้าเมื่อใดบุญเก่าหมด กรรมชั่วจะมาตอบสนองเขาทันที อาจจะได้รับผลกรรมทันตาเห็นในชาติปัจจุบันก็ได้นะ แต่ถ้าบุญกุศลที่เขาสร้างสมมาแต่อดีตมีมากผลของกรรมชั่วแม้จะตามมาตอบสนองไม่ทันในชาตินี้ เขาก็ต้องไปรับกรรมชั่วในชาติหน้า ภพหน้าอยู่ดี หนีไม่พ้นหรอกนะ เหมือนเช่นคุณ ถ้ามัวแต่นั่งนอนรอกินมะม่วงที่คุณลงทุนลงแรงปลูกไว้เมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว โดยไม่ยอมรดน้ำ พรวนดิน ให้ปุ๋ย หรือปลูกต้นมะม่วงใหม่เพิ่มเติมแล้ว ผลมะม่วงจากต้นเก่าที่จะออกผลให้คุณก็จะน้อยลงๆและลูกผลก็จะเล็กลงไปทุกทีๆ ในที่สุดสักวันหนึ่ง คุณก็จะไม่มีมะม่วงกินเช่นกันนะ” หลวงพ่ออธิบายอย่างละเอียด และเมื่อเห็นข้าพเจ้ายังตั้งใจฟังอยู่ก็พูดต่อว่า

“มนุษย์และสัตว์โลก ล้วนถูกลิขิตให้เกิดมาเพื่อชดใช้กรรมจากในอดีตชาติทั้งสิ้น ใครทำกรรมดีมา ก็ได้เกิดมาเสวยสุขและใครทำกรรมชั่วมาก็ต้องชดใช้กรรมชั่วนั้น ๆ หลีกเหลี่ยงไม่ได้ ส่วนเมื่อเกิดมาแล้ว หากผู้ใดสร้างแต่คุณงามความดี ก็จะไปได้รับส่วนกุศลผลบุญตอบสนองเอาในชาติหน้า เหมือนเช่นคนที่เริ่มปลูกมะม่วงในขณะนี้ ก็จะไปได้กินมะม่วงในอีก 5-6 ปีข้างหน้านั่นแหละส่วนผู้ใดแม้ร่ำรวย มั่งมีศรีสุข หากประกอบแต่กรรมชั่วไว้ในชาตินี้ก็จะต้องชดใช้ดรรมชั่วในชาติหน้า เช่นกันนะ ด้วยเหตุนี้ องค์สมเด็จพระศาสดาจึงได้จำแนกผู้คนออกไว้เป็น 4 จำพวกด้วยกันคือ

1.มาสว่างไปมืด ได้แก่บุคคลประเภทที่คุณได้เล่ามาคือในอดีตชาติสั่งสมบุญเอาไว้มาก พอมาเกิดในชาตินี้ก็มั่งมีศรีสุข และประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่มิได้สร้างสมบุญกุศลเพิ่มเติม หรือกระทำแต่ความชั่วในชาตินี้ เมื่อตายไปก็จะต้องไปชดใช้กรรมในอบายภูมิทั้ง 4 คือนรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน หรือแม้นหากเกิดเป็นมนุษย์ก็จะยากจนข้นแค้นแสนสาหัสนะ

2.มามืดไปมืด ได้แก่บุคคลที่เกิดมาชดใช้กรรมชั่วที่ได้กระทำไว้ในอดีตชาติ มิหนำซ้ำเมื่อเกิดมาแล้วกลับกระทำแต่ความชั่วอีก เมื่อตายไปก็จะต้องไปชดใช้ความชั่วในอบายภูมิ สถานเดียว

3.มามืดไปสว่าง ได้แก่บุคคลที่เกิดมาชดใช้กรรมชั่วที่ได้กระทำมาแล้วในอดีตชาติและแม้เมื่อเกิดมาในชาตินี้ จะมีฐานะความเป็นอยู่ที่ยากจนข้นแค้นแสนสาหัสสักเพียงไร หรือประสบแต่ความผิดหวังล้มเหลว ซ้ำแล้วซ้ำเล่าสักเพียงไหน ก็ตั้งหน้าตั้งตาประกอบแต่คุณงามความดีโดยไม่ท้อถอย เมื่อตายไปก็จักได้ไปเสวยสุขตามกุศลผลบุญที่ได้กระทำนั้น ดังเช่นเจ้าแดงสุนัขของฉันซึ่งถูกรถบรรทุกทรายทับตายแล้วไปเกิดเป็นเทวดานั่นแหละ จำได้ไหม?

4.มาสว่างไปสว่าง ได้แก่บุคคลที่ในอดีตชาติสั่งสมบุญไว้มากเมื่อมาเกิดในชาตินี้ก็มั่งมีศรีสุขและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานมิหนำซ้ำ กลับตั้งหน้าตั้งตาประกอบแต่คุณงามความดีเพิ่มเติมโดยไม่หยุดยั้ง เมื่อตายไปก็จักไปเสวยสุขในภพที่สูงกว่ามนุษย์นะ หรือแม้นเกิดเป็นมนุษย์ก็จะร่ำรวย มั่งมีศรีสุขยิ่งกว่าเก่า ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานยิ่งกว่าเก่านะ เข้าใจหรือยัง?

“รวมความว่า ทุกคนเกิดมาเพื่อใช้กรรมเก่าที่ได้กระทำมาแต่อดีตชาติทั้งสิ้น หากทำดีมากก็ได้เสวยสุข หากทำชั่วก็ต้องทนทุกข์ชดใช้กรรมไปส่วนจะกระทำความดีหรือกระทำความชั่วในชาตินี้ ก็ต้องว่ากันในชาติหน้าใช่ไหมครับ?”ข้าพเจ้าเน้นถามเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง

“ถูกต้องแล้ว แต่ก็ยังไม่ถูกเสียทั้งหมดทีเดียวนะ เพราะการกระทำชั่วบางอย่าง เป็นบาปมหันต์ อาจต้องรับกรรมชั่วอย่างทันตาเห็นโดยไม่จำเป็นต้องไปรอถึงชาติหน้าก็มี เช่น เถนเทวทัต ถูกธรณีสูบเป็นต้น ขอให้จำไว้นะ ของสูงเช่นพระพุทธเจ้าก็ดี พระปัจเจกพุทธเจ้าก็ดี พระอรหันต์ก็ดี พระอริยสงฆ์ก็ดี อย่าได้ไปลบลู่ดูหมิ่นเป็นอันขาดนะเพราะเป็นบาปมหันต์รับผลทันตาเห็นในชาตินี้ทันที และแม้ตายแล้วบาปนั้นก็ยังจะติดตามไปถึงชาติหน้าภพหน้าอีกด้วยนะ” หลวงพ่ออธิบายย้ำแล้วพูดต่อว่า

“ความจริงชีวิตมนุษย์นั้นสั้นนัก ตามสถิติแล้ว เขาเฉลี่ยอายุของคนไทยทั่วประเทศก็แค่ 55-60 ปีตายมิใช่หรือ? ดังนั้นถ้าหากเอาเวลาในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ (สวรรค์ชั้นที่ 2 )มาเทียบคือ 1 วันในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ซึ่งเท่ากับ 100 ปีของมนุษย์แล้ว ก็จะเห็นได้ชัดว่าในชั่วชีวิตหนึ่ง ๆ ของพวกคุณนั้นมีความหมายนานเพียงแค่ครึ่งวันของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เท่านั้นเองนะ คราวนี้ถ้าสมมุติว่าคุณหนีมาเที่ยวในโลกมนุษย์เพียงแค่ครึ่งวันเท่านั้นนะ และถ้าครึ่งวันนี้คุณเอาแต่กอบโกยใฝ่หาแต่ความสุขทุกรูปแบบโดยไม่คำนึงถึงความถูก ความควรหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นมาเป็นของตนก็ดี ผิดลูกผิดเมียเขาก็ดี หรือกล่าววาจาเท็จหลอกหลวงผู้อื่นก็ดี หรือเสพย์สุรายาเมาก่อความเดือนร้อนรบกวน คุณก็จะต้องรับผลแห่งกรรมชั่วที่คุณได้กระทำอีกไม่รู้กี่กัลป์ กี่ภพ กี่ชาตินะ เปรียบเสมือนเช่นในวันรับเงินเดือนหากคุณนำเงินนั้นไปเที่ยวเตร่ หาความสนุกสนานอย่างเต็มที่ด้วยการตั้งวงเสพย์สุรา เที่ยวบาร์ เที่ยวคลับ เล่นการพนันหรือหลับนอนกับหญิงโสเภณี จนเงินเดือนหมด คุณก็สนุกของคุณอยู่แค่วันเดียวนะแต่อีก 29 วันที่เหลือคุณจะต้องเกิดทุกข์ใช่ไหม? แต่ในทางตรงกันข้ามหากคุณเวลาครึ่งวันนี้ ตั้งหน้าปฏิบัติแต่คุณงามความดีโดยไม่ท้อถอยแม้จะยากดีมีจนประสพแต่ความทุกข์เข็ญปานใดก็ยึดมั่นในทาน ศีล ภาวนา ให้ได้ตลอดไปแล้วคุณก็จะได้เสวยผลแห่งกรรมดีอีกหลายภพหลายชาติ เช่นกันนะ ในขณะนี้คุณก็โชคดีแล้วที่เกิดมาเป็นมนุษย์ดังนั้นจงใช้ระยะเวลาอันสั้นของชีวิตนี้ ประกอบแต่กุศล ผลบุญเถิด” หลวงพ่ออธิบายอย่างละเอียด

“หลวงพ่อครับ สมมติว่า หากผมได้สร้างกรรมชั่วมาแต่อดีตและเมื่อได้เกิดในชาตินี้ ผมก็จะรีบบวชทันทีเมื่อมีอายุครบบวชแล้วเร่งปฏิบัติแต่คุณงามความดี ด้วยการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนาอย่างครบถ้วนโดยมิได้ขาดตกบกพร่องเลย ผมยังจะต้องชดใช้กรรมชั่วที่ได้กระทำมาแต่ในอดีตชาติอีกหรือไม่ครับ? ข้าพเจ้าถาม เพรายังติดใจสงสัยอยู่

“ถ้าคุณไปหยิบยืมเงินจากคนอื่นเขามาสัก 10 รายแต่ยังไม่สามารถจะหาเงินมาใช้หนี้ให้เขาได้เลยสักรายเดียว แล้วคุณใช้วิธีทำดีกับเขาด้วยวิธีอื่นในทุกวิถีทางเช่นคอยรับใช้ช่วยเหลืออำนวยความสะดวกต่างๆ ให้เขาและลูกเมียที่เขารักบ้าง เอาอกเอาใจเขาด้วยการขวนขวายหาสิ่งของที่เขารัก เขาชอบโดนคุณไม่ต้องใช้เงินใช้ทองมากมายนักมาให้บ้างหรือเอาตัวคุณเข้าเสี่ยงภัยปกป้องคุ้มครองเขาบ้าง คุณคิดว่าเจ้าหนี้ทั้ง 10 รายของคุณนั้นเขาจะเห็นอกเห็นใจ เห็นในคุณงามความดีของคุณแล้วยอมยกหนี้สินทั้งหมดให้คุณโดยที่คุณไม่ต้องหาเงินมาชดใช้เขาเลยหรือไม่ล่ะ? หลวงพ่อย้อนถามยิ้มๆ เล่นเอาข้าพเจ้าต้องคิดหนักสักครู่หนึ่งจึงตอบไปว่า

“ก็คงมีเจ้าหนี้บางรายแหละครับที่มีจิตใจเมตตากรุณาแล้วเห็นในคุณงามความดีของผมบ้าง แล้วยอมยกหนี้สินให้ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่ผมไปยืมเขามาว่ามากน้อยแค่ไหนด้วย ส่วนบรรดาเจ้าหนี้บางรายที่ทั้งงก ทั้งหน้าเลือด แล้วผมคิดว่าแม้ผมจะทำดีกับเขาสักเพียงไรเขาก็คงไม่ยกหนี้สินให้ผมหรอกครับ คงต้องตามทวงเช้าทวงเย็นเอาเงินของเขาคืนจากผมให้ได้”

“เออ ตอบตรงดีนี่” หลวงพ่อชมแล้วพูดต่อว่า”บรรดาเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่คุณไปก่อกรรมทำเข็ญกับเขาไว้ในอดีตชาติ ก็เหมือนเจ้าหนีที่คุณพูดมานั่นแหละ แม้คุณจะถือบวชบำเพ็ญทาน ศีลภาวนา แล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้เขาอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้เขาอยู่ดี มีสุขขึ้นก็ตามที เจ้ากรรมนายเวรบางรายที่เขารู้คุณ เขาก็อาจอภัยไม่คิดตามทวงหนี้กรรมจากคุณอีก แต่เจ้ากรรมนายเวรบางรายแม้คุณจะทำดีสักปานใดเขาก็ยังผูกพยาบาท อาฆาตจองเวรกับคุณ ติดตามจองล้างจองผลาญคุณไม่รู้จบสิ้นก็มีนะ แม้ตามทวงหนี้กรรมจากคุณไม่ได้ในชาตินี้  เขาก็จะติดตามทวงหนี้กรรมจากคุณต่อไปในชาติหน้า ภพหน้าไม่มีสิ้นสุดยิ่งคุณไปก่อบาปมหันต์ด้วยการลบหลู่ดูหมิ่นหรือกระทำความชั่วร้ายต่อพระพุทธเจ้าก็ดี พระปัจเจกพุทธเจ้าก็ดี พระอรหันต์ก็ดี พระอริยสงฆ์ก็ดี  บิดา มารดาก็ดี ครูบาอาจารย์ตลอดจนผู้มีพระคุณทั้งหลาย แม้ท่านจะให้อภัยก็ตามแต่กฎแห่งกรรมจะไม่มีการอภัยให้เป็นอันขาดนะคุณต้องชดใช้กรรมชั่วที่คุณได้กระทำมาอย่างแน่นอน หลบเลี่ยงไม่ได้เลยนะ แม้แต่พระโมคคัลลาน์ ซึ่งเป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายของพระพุทธเจ้าซึ่งได้รับสมญาว่า “เลิศด้วยอิทธิฤทธิ์” ท่านก็ยังต้องชดใช้กรรมที่ได้ก่อมาแล้วในอดีต โดยยอมให้โจรทุบตาย ในชาติสุดท้ายนั่นเอง” หลวงพ่ออธิบายอย่างละเอียดและกระจ่างชัดเจนยิ่งนัก

ข้าพเจ้ากราบลาหลวงพ่อกลับบ้าน ด้วยจิตที่ปลอดโปร่งความเคลือบแคลงสงสัยในเรื่องของกรรมดี กรรมชั่วหมดไปโดยสิ้นเชิงอีกทั้งเหตุการณ์ที่ข้าพเจ้าได้ประสบพบเห็นในกาลต่อมาก็ยิ่งประจักษ์ชัดในจิตให้เห็นถึงผลแห่งกรรมยิ่งขึ้น ซึ่งข้าพเจ้าจะหยิบยกมาเล่า

Free Web Hosting