ประวัติย่อหลวงปู่สิม พุทธาจาโร
วัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ กราบนมัสการหลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร
นามเดิม สิม วงค์เข็มมา
บิดา นายสวน วงค์เข็มมา
มารดา นางสิงห์คำ วงค์เข็มมา
เกิด วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๒ ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีระกา เวลา ๒๑.๐๐ น. ที่บ้านบัว ตำบลสว่าง อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร เป็นบุตรคนที่ ๕ ในจำนวนพี่น้องชายหญิงรวม ๑๒ คน
บรรพชาและอุปสมบท เมื่ออายุครบ ๑๗ ปี ใน พ.ศ. ๒๔๖๙ ได้บรรพชาเป็นสามเณร ที่อุทกุกเขปสีมาหนองสามผง ต.สามผง อำเภอท่าอุเทน (ปัจจุบันเป็นอำเภอศรีสงคราม) จังหวัดนครพนม โดยมี เจ้าพระคุณพระธรรมเจดีย์ วัดโพธิสมภรณ์ อุดรธานี เมื่อครั้งเป็นพระครูชิโนวาทธำรง เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่ออาบุครบ ๒๐ ปี ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ที่วัดศรีจันทราวาส ต.พระลับ อ.เมือง ขอนแก่น โดยมีพระครูพิศาลอรัญเขต (จันทร เขมิโย) เจ้าคณะธรรมยุต จังหวัดขอนแก่น เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๒ เวลา ๑๑.๐๐ น. เมื่อบวชแล้ว ได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดเหล่างา (ขณะนี้ได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดวิเวกธรรม อ.เมือง ขอนแก่น) อยู่กับท่านอาจารย์สิงห์ ฯ
ในระหว่าง พ.ศ. ๒๔๗๒ - ๒๔๗๕ ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดเหล่างา ได้เล่าเรียนศึกษาวิปัสสนาธุระกับท่านอาจารย์สิงห์ฯ
ตำแหน่งและสมณศักดิ์
๒๐ ม.ค. ๙๙ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดสันติธรรม จังหวัดเชียงใหม่
๕ ธ.ค. ๐๒ ได้รับสมณศักดิ์ เป็นพระครูสันติวรญาณ
พ.ศ. ๒๕๐๔ - ๒๕๐๘ เป็นเจ้าอาวาสวัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ
พ.ศ. ๒๕๐๙ เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร และในปีนี้ ได้ขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสทุกแห่ง
๑๒ สิงหาคม ๒๕๓๕ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ "พระญาณสิทธาจารย์"
มรณภาพ เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๓๕ สิริอายุ ๘๒ ปี ๙ เดือน ๑๙ วัน (๖๓ พรรษา)

โอวาทแนวทางการปฎิบัติธรรมของ หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
พระพุทธเจ้าท่านจึงให้ปล่อยวางอย่าไปยึดถือ ตัวกูของกู ตัวเราของเรา มันเป็นเพียงสมมุติ ให้เป็นตัวเราของเราเท่านั้นแหละ ธาตุแท้ มันไม่ได้เป็นของใคร เมื่อมีเหตุ ปัจจัยเกิดขึ้น มันก็เกิดขึ้นอย่างนี้ เมื่อหมดเหตุ ปัจจัยมันไปไหน ก็ละลายลงไปสู่พื้นแผ่นดิน ธาตุดินก็ไปสู่ธาตุดิน
ธาตุน้ำก็ไหล ไปสู่ธาตุน้ำ ไหลไปในอากาศ ธาตุลมก็ไปกับลม ธาตุไฟความร้อนความอบอุ่น มันก็ไปตามธาตุไฟ ธาตุเหล่านี้เมื่อเขาไหลเข้าไปอยู่ในสภาพของเขา เขาก็ไม่มี ความทุกข์ความเดือดร้อนอย่างไร เพราะธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม เป็นธรรมชาติ ประจำโลกประจำวัฎฎสงสารอันนี้มานับไม่ถ้วนแล้ว มาถึงพวกเราภาวนาจะต้อง ให้รู้เข้าใจ จิตมายึดถือความทุกข์ความเวทนานี้เป็นความหลง