อานิสงส์อุทิศดวงตาและอุทิศศพ
ผู้ถาม | ถ้าเราจะไม่เกิดอีกแล้ว และเรา อุทิศดวงตา ให้สภากาชาด แต่ถ้าบางทีเราไม่ถึงซึ่งพระนิพพานและเราต้องมาเกิดอีก อยากทราบว่า ตาเราจะบอดหรือไม่ครับ .? |
หลวงพ่อ | บอดแน่ ๆ เลย เสร็จ..ไม่มีตาดูน่ะซิ |
ผู้ถาม | ก็นั่นนะซิครับ กลัวจังเลยว่าจะไม่มีตาดู |
หลวงพ่อ | ต้องตอบว่า ตาจะแจ่มใสดีกว่าตาเดิม เพราะอานิสงส์อุทิศลูกตาเป็นทาน ไม่ใช่ตาบอดนะ |
ผู้ถาม | ลูกเคยตั้งใจไว้ว่า การบริจาคดวงตาและร่างกายเมื่อหลังจากตายแล้ว จะได้ประโยชน์ หลวงพ่อว่าดีไหมคะ ..? |
หลวงพ่อ | บุญน้อยไปให้เมื่อตายแล้ว ต้องให้เมื่อเป็น |
ผู้ถาม | ก็ตาบอดซิคะ |
หลวงพ่อ | ใส่ตาใหม่ ใส่ตาแก้วมันสวยกว่าตาเก่า
ตาใสแจ๋วแต่มองอะไรไม่เห็น อย่างนี้พระพุทธเจ้าสมัยเมื่อเป็น พระเวสสันดร
ไงล่ะ เขามาขอของภายนอกก็คิดว่า ทำไมไม่ขอดวงหทัย.. ทำไมไม่ขอดวงตา
..ทำไมไม่ขอแขนซ้ายแขนขวา ..ถ้าขอดวงตาเราจะควักให้ ขอแขนซ้ายจะตัดให้
ขอแขนขวาจะตัดให้ เป็นต้น แต่ว่าการตั้งใจแบบนั้นก็เป็นกุศลนะ กุศลย่อมเกิดตั้งแต่เริ่มคิด ตัดสินใจว่าจะให้ เวลาตายไปแล้วก็ได้บุญแน่ แต่สงสัยซิ .. ไปเกิดใหม่ตาจะโบ๋ เพราะมีคนสงสัยหลายคนมาถาม |
ผู้ถาม | แล้วจริง ๆ โบ๋ไหมครับ ..? |
หลวงพ่อ | ไม่โบ๋ เพราะไปเกิดใหม่
ไม่ได้เอาตาดวงเก่าไปด้วยกายเก่าไม่ได้ไป เกิดใหม่ก็อาศัยบุญใหม่
การเกิดนี่ต้องมีบุญนะ คนไม่มีบุญเลยเกิดเป็นมนุษย์ไม่ได้
ต้องมีบุญช่วยให้เกิด แต่ว่าต้องสร้างกายใหม่ ไม่ใช่กายเก่า แต่ว่าตามหลักของการปฏิบัติท่านบอกว่า ถ้าคนเจริญสมาธิจิตอยู่ คือทรงสมาธิ เวลาตายถ้าจิตออกทางตา ตาทิพย์ จิตออกทางหู หูทิพย์ จิตออกทางปาก ปากทิพย์ จิตออกทางจมูก จมูกทิพย์ ถ้าจิตออกมือ มือทิพย์ ออกทางหน้าท้อง ถ้าท้องทิพย์ละแย่เลย |
ผู้ถาม | ทำไมหรือครับ ..? |
หลวงพ่อ | เลี้ยงไม่อิ่มนะซิ |
ผู้ถาม | อ๋อ .. (หัวเราะ) |
หลวงพ่อ | คำว่า ทิพย์ หมายความว่าเกิดประโยชน์แก่สายนั้นตาดี อาจจะได้ทิพจักขุญาณ หรือว่าเป็นคนที่มีหูดีไว เป็นพิเศษ แก่เฒ่ามากแล้วคนอื่นเขาหูตึง เราก็ไม่ตึงไม่พร่า ปากดีพูดแล้วคนอื่นชอบฟังเกิดประโยชน์จากปากอย่างนี้เป็นต้น |
ผู้ถาม | แล้วที่บอกว่ากายทิพย์ออกจากร่าง ความจริงออกทางไหนครับ ..? |
หลวงพ่อ | ที่เขาฝึกเอากายออกไปใช่ไหม ..? |
ผู้ถาม | ครับ |
หลวงพ่อ | ไม่ต้องหาช่องละ นั่นไปเลย เวลาออกแบบนั้นก็เหมือนกับเข้านั่นแหละ เข้าไม่เลือกช่อง ออกก็ไม่เลือกช่อง เพราะเป็นนามธรรม อย่างกลางคืนเรานอนอยู่ห้องแคบ ๆ ถ้าผีมาหรือเทวดามาตั้งพันเราก็เห็นได้ แต่ไม่มีห้องกั้น เพราะว่าสภาพเป็นทิพย์ |
ผู้ถาม | ทีนี้ก็มีคนคนหนึ่งได้ทำพินัยกรรมไว้ว่า ถ้าตายแล้ว ขออุทิศศพ ให้โรงพยาบาล ทีนี้ลูกหลานก็ไม่สบายใจ เพราะถ้าอุทิศให้โรงพยาบาลแล้ว กลัวพ่อจะไม่ไปผุดไปเกิดเพราะไม่ได้เผาศพ หลวงพ่อมีความเห็นว่าอย่างไรครับ .. ? |
หลวงพ่อ | ความจริงถ้าฉันเป็นลูกเป็นหลานฉันจะดีใจมาก ไม่ต้องเปลืองเงินทำศพ มีผลเท่ากันนะ พอตายลงไปปั๊บ ไอ้จิตนี่มันก็ไปตามสภาพตามกฎของกรรมอยู่แล้ว มันไม่อยู่หรอก มันไม่มานั่งห่วงซากศพ ไอ้ที่ว่านั่นห่วงซากศพน่ะไม่จริง |
ผู้ถาม | เวลาคนตายไปแล้วใหม่ ๆ กี่วันถึงจะรู้ว่าตายครับ. ? |
หลวงพ่อ | เอาตัวรู้หรือว่าใจรู้ ถามให้ถูก แต่ความจริงนะ
ถ้าตายเดี๋ยวนั้นก็รู้เดี๋ยวนั้น ไม่ใช่กี่วัน ฉันเคยตายหลายวาระฉันรู้
ไม่ต้องไปถามชาวบ้านที่ไหนหรอก
พอมันออกจากร่างปั๊บก็เห็นร่างกายเนื้อนอนอยู่แล้ว อารมณ์จิตนึกรังเกียจทันที
ไม่ใช่พอใจ ไม่ใช่เสียดายนะ แต่รังเกียจไอ้ตัวนั้น ฉะนั้นไอ้เรื่องตายแล้วจะเผาหรือไม่เผา ไม่ต้องวิตกกังวล จิตใจเป็นไปตามสภาพของมันอยู่แล้ว ถ้าฉันเป็นลูกเป็นหลาน ฉันยุส่งเลย เอาไปให้เขาเถอะ ตายปุ๊บเราก็ยกไปโรงพยาบาลไม่ต้องนิมนต์พระมาบังสกุลด้วย |