บริจาคโลหิตเป็นทาน
ผู้ถาม | ทีนี้การ บริจาคโลหิตเป็นทาน นั้น อยากจะเรียนถามว่าเป็นทานขั้นไหนครับ .? |
หลวงพ่อ | เขาเรียกว่า ทานภายใน นะ จะถือว่าเป็นปรมัตถทานไม่ได้ เขาเรียกทานภายใน คือให้ของในกายนี่เป็นทานภายใน ให้ของนอกกายเขาเรียกว่า "ทานภายนอก" นะ ยังจะถือว่าเป็นปรมัตถทานไม่ได้นะ ถ้าเป็นปรมัตถทานต้องอย่างที่พระพุทธเจ้าท่านทำ |
ผู้ถาม | เป็นยังไงครับหลวงพ่อ.? |
หลวงพ่อ | เชือดเนื้อเอาไปเลี้ยงเขาเลย |
ผู้ถาม | ถึงขนาดนั้นเชียวหรือครับ.? |
หลวงพ่อ | ใช่ นั่นเป็น ปรมัตถทาน เราถือว่าเป็นปกติทานก็แล้วกัน แต่เป็นทานภายในเพราะอานิสงส์สูงมากอาจจะสูงกว่าทานภายนอกสักหน่อยหนึ่งนะ |
ผู้ถาม | แล้วการบริจาคโลหิต กับ การอุทิศร่างกายให้กับโรงพยาบาลเป็นทาน อันไหนจะมีอานิสงส์มากกว่ากันครับ .? |
หลวงพ่อ | อุทิศเลือดให้ขณะที่ยังไม่ตายมีอานิสงส์สูงกว่าเมื่อตายแล้ว
ตายแล้วเหมือนของเขาทิ้งแล้ว ร่างกายใช้อะไรไม่ได้
มีประโยชน์เพียงแค่วัตถุทาน
จะให้มีอานิสงส์เท่ากับให้เลือดตอนมีชีวิตนั้นไม่ได้แน่ ใช่ไหม ..
ดูอย่างพระพุทธเจ้าสมัยเมื่อเป็น พระเวสสันดร ตอนนั้นที่คนเขามาขอช้างหรือของต่าง ๆ พระองค์ก็คิดว่าทำไมไม่ขอดวงตา ถ้าขอท่านก็จะให้ ไม่ว่าจะเป็นแขนซ้ายหรือแขนขวาก็จะให้ นี่ทานตั้งใจให้ตอนมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่ตอนตายแล้ว ฉะนั้นถ้าให้ได้ก็เป็นปรมัตถบารมี |
ผู้ถาม | ทีนี้ถ้าบริจาคร่างกายให้นักศึกษาแพทย์เขาศึกษาต่อเมื่อเราตายแล้ว แต่อธิษฐานไว้ว่า ตายเมื่อไรขอพ้นจากวัฏสงสาร อย่างนี้จะมีโอกาสไม่ให้มาเกิดอีกใช่หรือเปล่าครับ ? |
หลวงพ่อ | ถ้าเวลาจะตายนะ จิตตัดกิเลสแน่นอน ไม่อยากมาเกิดอีก หรือเมื่อนั้นเมื่อเวลาจะตาย จิตตัดความรักในระหว่างเพศ ตัดความโกรธ ก็ไม่มาเกิดอีก มันไม่แน่นะ เดาส่งไม่ได้ มันเฉพาะจิตใช่ไม่ จะเดาไม่ได้ แต่บังเอิญก่อนที่จะตาย เวลานี้ทรงอารมณ์ของพระโสดาบันได้นะ และก็ตัดสินใจไว้เสมอทุกเช้าว่า ร่างกายนี้ตายเมื่อไร ขอไปนิพพานเมื่อนั้น อันนี้จิตทรงตัวแน่นอน อย่างนี้ไปได้ทันที |