อานิสงส์คาถาพระปัจเจกโพธิ์

พุทธะ มะอะอุ นะโมพุทธายะ 

วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิริอิตถิโย 

พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหมฯ

ในปัจจุบันนี้ภาวะทางด้านเศรษกิจย่ำแย่ ตามบริษัทห้างร้านต่าง ๆ ต่างคนก็ต่างบ่นกันพึมพำ ชาวบ้านหรือก็หนักใจ เมื่อพูดถึงเรื่องจนก็ทำให้นึกถึง คาถาวิระทะโย

คาถาบทนี้มีความสำคัญมาก พวกเราทุกคนควรจะทำให้ได้เป็นพื้นฐานไว้ก่อน คาถาบทนี้ถ้าทำ ขึ้นน้อย ๆ ถ้าเงินมันขาดมือจะชดใช้กันทัน ถ้าหากทำขึ้นเต็มอัตราเงินจะเหลือใช้ แต่ต้องทำเป็นสมาธินะการทำสมาธินี่ไม่ต้องนั่งก็ได้ ถ้าว่างตอนไหนก็นึกว่ามันเรื่อยไป ขาของอยู่ ทำงานอยู่พอว่างนิด ก็ว่าไป เดินไปนึกขึ้นได้ก็ว่าไป คาถาวิระทะโย นี้ใครทำเป็นสมาธิได้ ก็ทำถึงอุปจารสมาธิตอนนี้เงินไม่ขาดตัวแน่ 
ถ้ามีความจำเป็นมากจริง ๆ มักจะหาได้ทัน ถ้าเข้าถึงปฐมฌานตอนนี้ละขังตัว ไม่ใช่พอใช้นะ เหลือใช้เลย แต่ต้องทำได้ตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไปนะคาถาบทนี้มีคนใช้ได้ผลมาเยอะแล้ว คนที่ใช้ได้ผลคนแรกสุดคือ นายห้างขายยาตราใบโพธิ์ ที่ว่าเป็นคนแรกเพราะอะไร เพราะตอนนั้น หลวงพ่อปาน ท่านไปเรียนมาจาก ครูผึ้ง ซึ่งอยู่จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มาจากพระธุดงค์องค์หนึ่ง และพระธุดงค์องค์นี้ท่านก็บอกว่าเป็นคาถาของ พระปัจเจกพุทธเจ้าตามปกติครูผึ้งท่านรักษาศีลอยู่แล้ว ก่อนที่พระธุดงค์จะไปท่านได้ให้คาถาบทนี้และบอกว่า"ตอนเช้าทุกวันควรใส่บาตรทุกวัน ก่อนจะใส่บาตรก็ให้ว่าคาถาบทนี้หนึ่งจบ แล้วิธีใส่บาตรมีอยู่ ๒ อย่าง ถ้าไม่มีพระจะมาให้ใช้ข้าวสารตัดแทนก็ได้ แต่ว่าเดี๋ยวนี้ เราใช้สตางค์ใส่บาตรแทนก็ได้เงินนั้น ให้ใช้เป็นค่าอาหารมากน้อยตามกำลัง ไม่จำเป็นต้องไปรอพระมา ถ้าเห็นว่ามันมากพอสมควรก็เอาไปถวายพระ บอกท่านว่าเป็นค่าอาหารแล้วท่านจะนำไปใช้เป็นค่าอาหาร หรือเอาไปใช้ก่อสร้างก็เป็นเรื่องของท่าน แต่เรามีเจตนาเป็นค่าอาหารก็แล้วกัน เท่านั้นก็พอ"แล้วท่านก็บอกอีกว่า "ก่อนปลูกผัก ปลูกต้นไม้ หว่านข้าว ดำข้าว ก็ว่าคาถาบทนี้หนึ่งจบตามวิธี การของท่าน เวลาบูชาพระกลางคืนให้ว่า ๓ จบ หรือ ๕ จบ หรือ ๗ จบ หรือ ๙ จบ ก็ได้ นอกจากนั้นก็ควรจะเจริญ เป็นสมาธิ แต่บูชาพระกับว่าตอนใส่บาตร ท่านบอกว่ามีสภาพเป็นเบี้ยต่อไส้ หมายความว่าถ้าจะหมดตัวจริง ๆ ก็จะหาได้ทัน"ฉันเคยโดนมาบ่อย ๆ ในระยะต้น ๆ โดนเองจึงรู้ แต่พอจวนตัวก็จะมีมาทุกครั้งไป ถ้าภาวนาให้จิตเป็นฌาณจะมีผลมาก และมีวิธีการปฏิบัติเพื่อเจริญอีกอย่างหนึ่ง แต่ว่าห้ามพูดนะถ้ารู้ว่าเงินเกิน เวลาที่เราบูชาพระด้วยคาถา บทนี้กี่จบเวลาที่จะเก็บสตางค์ให้ถือสตางค์ไว้ แล้วยื่นลงไปในที่สำหรับเก็บ มือมันกำสตางค์อยู่ แล้วว่าคาถาบท นี้เท่านั้นจบ ว่าเสร็จแล้วปล่อยมือออกเป็นอันว่าใช้ได้ที่นี้เวลาที่จะนำสตางค์ไปใช้ ท่านให้หยิบสตางค์อันนั้นแต่ว่าห้ามนับเงิน แล้วว่าคาถาตามจำนวน ที่เราบูชาพระดึงเอาเงินนั้นออกมา ถ้าเกินกว่าจำนวนที่เราต้องการ เวลาที่เราจะเก็บเราก็ว่าคาถาแบบนี้เหมือนกัน 
ถ้าทำแบบนี้ท่านบอกว่าเงินจะขาดที่นั้นไม่ได้เลยถ้าบางครั้งปริมาณเงินที่เราเก็บไว้ สมมุติว่าเป็นเงิน ๑,๐๐๐ บาท มันเป็นบึก เราดึงมาทั้งปึก (๑,๐๐๐ บาท) แต่ปรากฏว่าเงินมันมีอีก ห้ามนำไปพูดกับคนอื่น ถ้าพูดเงินจะหด ท่านห้ามอวด อันนี้นายห้างประยงค์ เคยไปเล่าให้ฟังเหมือนกัน ท่านทำได้ผลตามนี้ และทำได้ผลเป็นคนแรก หลังจากขอเรียนจากหลวงพ่อปาน

(ต่อไปนี้เป็นประสบการณ์ของผู้ที่ปฏิบัติตามคำแนะนำของหลวงพ่อที่ได้รับผลในปัจจุบันนี้)

ผู้ถาม หลวงพ่อครับ ผมก็คิดเรื่องการเรื่องงานเป็นประจำเลยครับ ทีนี้อยากถามว่ากรรมฐานบทไหน ที่ทำให้ค้าขายดีครับ........?
หลวงพ่อ  อ๋อ.....ก็บทค้าขายราคาถูกซิ เขาขายหนึ่งบาท เราขายห้าสิบสตางค์ รับรองพรึ่บเดียวหมด บทนี้ดีมาก เพราะเมตตาบารมีไงล่ะ
ผู้ถาม โอ้โฮ.....ตรงเปี๊ยบเลยหลวงพ่อ......
หลวงพ่อ  ยังมีอีกนะ ถ้าบทที่สองดีกว่านี้อีก จาคานุสสติ แจกดะเลย
ผู้ถาม (หัวเราะ) โอ.....บทนี้น่ากลัวจนแย่เลย
หลวงพ่อ  ไอ้เรื่องค้าขายดีนี้มีคาถาอยู่บทหนึ่ง
ผู้ถาม เดี๋ยวผมขอจดก่อนครับ
หลวงพ่อ  ไม่ต้องจดหรอก คาถามหาโต๊ะ มหาโต๊ะนี่สมัยนั้นบวชอยู่ด้วยกัน มีโยมคนหนึ่งแกหาบข้าวแกงมาขาย หาบไปแต่เข้ากลับมาบ่ายมันก็ไม่หมด" วันหนึ่งมหาโต๊ะยืนล้างหน้าอยู่ที่หน้าต่างแกก็บอก "ท่านมหา มีคาถาอะไรดี ๆ ทำน้ำมนต์ให้ทีเถอะจะได้ขายหมดเร็ว ๆ"

มหาโต๊ะแกไม่ใช่นักคาถาอาคมกะเขานี่ ก็นึกไม่ออกแต่ไอ้นี่น่าจะดีว่ะ "อนัตตา" แกนึกในใจ แกก็เอาน้ำล้างหน้าพรม ๆ ยายนั่นแกก็กลับไป พอสาย ๆ แกก็กลับ ปรากกว่าหมด

ผู้ถาม อะไรหมดครับ.....? 
หลวงพ่อ ของหมด ข้าวแกงหมด แต่หม้อยังอยู่ หาบยังอยู่และคนหาบก็ยังอยู่ แหม.....นี่ต้องให้อธิบาย ละเอียดเลยนะ
ผู้ถาม (หัวเราะ) "คือสงสัยครับ
หลวงพ่อ  ก็เป็นอันว่าวันต่อมา โยมคนนั้นแกก็มาหาเรื่อย ๆ แกก็สังเกตมหาโต๊ะ ในที่สุดมหาโต๊ะต้องทำ น้ำมนต์ด้วยคาถาบทนี้เอาไว้ที่บูชา แกก็ไปขายหมดทุกวัน 
ก็แปลกเหมือนกันเพราะจิตตรง ใช่ไหม......อนัตตา นี่เขาแปลว่าสลายตัวไงล่ะ......?
ผู้ถาม ลูกหลานเอาไปใช้ได้ไหมครับหลวงพ่อ.....?
หลวงพ่อ  ปู่ย่าตายายก็ใช้ได้
ผู้ถาม (หัวเราะ) "แล้ว คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า ใช้ได้ไหม ครับ.....?
หลวงพ่อ  "ความจริงคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าของเขาก็ดี เขาขายของแล้วก็พรมตั้งแต่ตอนเช้า ถ้าตั้งร้าน ก็พรมหน้าร้านตั้งแต่เช้าตรู่ ตอนล้างหน้านั่นแหละ ทำตอนนั้น เอาน้ำล้างหน้าเสกด้วยคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า เสกแล้วพอล้างหน้าเสร็จก็พรม ตอนพรมก็ว่าไปด้วยนะ
ผู้ถาม บางคนก็บอกว่า ถ้าว่าคาถา มหาปุญโญ มหาลาโภ ภวันตุเม ฯ ก็จะมีลาภมาก.....?
หลวงพ่อ  มหาปุญโญ เป็นคาถาเสกพระวัดพนัญเชิง เจ้าอาวาสวัดนั้นรูปร่างผอมดำ นั่งเสกด้วยคาถา บทนี้ ๓ ปี ฉะนั้นวัดนั้นจึงมีลาภมาก

แล้วต่อมาสมเด็จหรือใครก็ไม่ทราบ ถามว่าเสกด้วยคาถาอะไร ท่านบอกว่า เสกด้วยคาถา มหาปุญโญ มหาลาโภ ภวันตุเมฯ แล้วท่านก็บอกให้ต่อด้วยคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า"

มีอยู่รายหนึ่งชื่อ นายแจ่ม เปาเล้ง บ้านอยู่อำเภอดำเนินสะดวก แกเป็นคนจน ทำสวนอยู่ที่ บางช้าง ปลูกพริกขายเป็นอาชีพ เพราะอาศัยความจนของแก จึงได้เป็นหนี้สินเขาอยู่ตั้ง ๒ หมื่น (นี่พูดถึงเงินในสมัยนั้นนะ เดี๋ยวนี้เป็นเงินเท่าไรก็คิดกันดู) ตาแจ่มจึงมาขอเรียนคาถาพระปัจเจกโพธิ์ เมื่อได้ไปแล้ว วัน ๆ ไม่ได้ทำอะไรนอกจากท่องแต่คาถาอย่างเดียว 
นั่งทำอยู่ทั้งวันทั้งคืน

ข้างฝ่ายลูกเมียของตาแจ่มก็ดีแสนดี ไม่ยอมให้แกทำอะไรเหมือนกัน นอกจากท่องคาถา

"คาถาบทนี้ เขาทำแล้วรวยนี่ ต้องทำให้มันรวยให้ได้" ลูกเมียแกว่าอย่างนั้น ตาแจ่มแกคิดจะเอาอย่าง นายประยงค์ ตั้งตรงจิตร นั่นแหละ

ทีนี้ พอพริกออกดอกออกผลขึ้นมาจริง ๆ ตาแจ่มก็คิดจะขายพริกละ ไอ้พริกของคนอื่นนะ งาม สะพรั่งมีพริกเยอะแยะ มองดูหนาทึบไปหมด ส่วนพริกของตาแจ่มพิเศษกว่าเขามียอดหงุก 
ๆ หงิก ๆ เม็ดก็บางตา มองดูโปร่ง ๆ ดูท่าทางแล้วเห็นจะขายได้ไม่กี่สตางค์

อีตอนเก็บนี่ซิ คนอื่นเก็บพริกได้กองใหญ่เท่าไร ตาแจ่มก็เก็บได้กองโตเท่านั้น เห็นพริกบาง ๆ ยอดหงุกหงิก ๆ นั่นแหละ เขาเก็บได้เท่าไร ตามแจ่มก็เก็บได้เท่านั้น

มาถึงตอนขาย เจ็กชั่งของคนอื่นได้ ๑ หาบ พอมาชั่งของตามแจ่มกลังเป็น ๒ หาบ ทั้ง ๆ ที่กองก็โตเท่ากัน เจ๊กหาว่าตาแจ่มโกง คิดว่าเอาทรายใส่เข้าไปในกองพริก 
เป็นการถ่วงน้ำหนัก เลยเอะอะโวยวายใหญ่ ปรากฏว่าเม็ดดินเม็ดทรายที่เจ็กว่านั้นหาไม่ไพ้เลย เล่นเอาเจ็กแปลกใจ แต่ก็ต้องซื้อไปตามนั้น

พริกของคนอื่นเขาเก็บกัน ๒-๓ ครั้ง ก็หมดแล้วครั้งแรกมาก ครั้งที่สองได้มากหน่อย พอครั้งที่ สาม เก็บได้อีกเพียงเล็กน้อยเป็นอันว่าหมดกัน ต้องถอนต้นพริกทิ้ง 
แล้วปลูกกันใหม่ ส่วนพริกของตาาแจ่มไม่เป็นอย่างนั้น ต้องลงมือเก็บกัน ๖ ครั้งถึงได้หมด พริกที่ได้แต่ละครั้งก็มีปริมาณเท่า ๆ กัน นี่ไอ้พริกใบหงุกหงิก ๆ 
นั้นแหละ เก็บกันซะ ๖ คราว

ผลที่สุด พริกของตาแจ่มก็กลายเป็นของอัศจรรย์แถมเจ็กยังตีราคาให้สูงกว่าพริกของคนอื่นเสียอีก เพราะว่า"เมื่อส่งไปแล้วเป็นพริกที่มีค่า ทางโน้นเขาให้ราคาสูง" 
ปีนั้นจึงใช้หนี้สองหมื่นหลุดหมด แถมยังมีเงิน เหลืออีกตั้งสองหมื่น

(นี่เห็นไหม...... ถ้าหากว่าท่านภาวนาคาถาบทนี้อยู่เสมอ ท่านอาจจะรวยกว่านายแจ่มก็ได้นะ) 

ต่อมามีผู้นำคาถา อนัตตา ไปปฏิบัติหลังจากที่หลวงพ่อแนะนำไปแล้ว เขาผู้นั้นได้เข้ามา รายงานกับหลวงพ่อว่า 

"หลวงพ่อครับ อนัตตา แจ๋วเลยครับ อัศจรรย์มาก ตอนบ่ายวันนี้ฟลุ๊คมาก ของที่ผมขายฝรั่ง ซื้อคนเดียว ๑,๖๐๐ บาท ไม่เคยมีปรากฏเลยครับ" 

หลวงพ่อ อาจารย์ทำยังไงล่ะ...... อาจารย์ใช้แบบไหน จึงมีผลตามลำดับ.... จะได้แจกจ่ายคนอื่นเขาบ้าง
อาจารย์  อันดับแรกตักน้ำใส่แก้ว แล้วนำไปไว้หน้าพระพุทธรุปที่โต๊ะหมู่บูชาแล้วชุมนุมเทวดาไหว้พระบูชาแล้ว ตามหลวงพ่อกล่าวนำ มีมนต์อะไรก็สวดไป ของผมสวดยาวหน่อย

เมื่อสวดเสร็จเรียบร้อยแล้วก็อาราธนาบารมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย แล้วก็มาหลวงปู่ปาน แล้วมาหลวงพ่อ

เสร็จแล้วเช้าตื่นมาก็กราบแก้วน้ำ ๕ ครั้ง แล้วก็เอามาที่ห้องน้ำ แบ่งครึ่ง ครึ่งหนึ่งใส่ขันสำหรับ ล้างหน้า ก่อนจะแบ่งก็ตั้งจิตให้ดี ว่านะโม ๓ จบ แล้วก็ว่า คาถานี้อีกครั้งหนึ่งเท่าที่ใช้ก็ได้คาถา มหาปุญโญ มหาลาโภ ภวันตุเม ฯ แล้วก็มาว่า คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า เมื่อว่าเสร็จแล้วก็บอก "อนัตตา ขายเลี้ยง"

อีกครั้งหนึ่งที่เราแบ่งมาแล้วก็ว่า คาถาวิระทะโย ไปแล้ว ก็พรมตู้อะไรต่าง ๆ แล้วลงท้าย "อนัตตา ขายเลี้ยง ๆ ๆ " แม้แต่หน้าร้านก็พรมออกไปเลย ถ้าใครเดินมาถูกน้ำมนต์ปุ๊บอยู่ไม่ได้ ต้องมาซื้อ อันนี้ได้ผลดีครับ

หลวงพ่อ อ้าว......จำได้ไหมล่ะ อันนี้ก็ดีมีประโยชน์นะ ควรจะนำไปใช้ทุก ๆ คนนะ ฉันบอกให้อาจารย์ เขาไปทำท่านทำแล้วผลมันเกิดขึ้นทุกวัน
อาจารย์  แล้วถ้าฟลุ๊คอะไรเป็นพิเศษละก็ เวลาจุดธุปเทียนหรือพรมน้ำมนต์ มันจะมีขนลุกซู่ซ่า ถ้าซู่มาก ละมาแน่
หลวงพ่อ อ้อ.....กำลังปีติสูง ใช่ เพราะซู่ซ่านี่เจ้าของมาแสดงให้ปรากฏถ้านึกถึงท่านจริงท่านเข้ามาช่วย ก็ถือว่าเป็นอาการของปีติ เมื่อสัมผัสแล้วทางจิตใจก็เกิดปีติความอิ่มใจเกิดขึ้น 
ขนลุกซู่ซ่ามาก การแสดงออกตาม อาจารย์พูดน่ะถูก ถ้าหากว่าสัมผัสน้อยก็มีผลน้อยหน่อย แต่ก็ดีกว่าปกติ สัมผัสมากก็มีผลมากหน่อย ปัจจุบัน ทันด่วน อันนี้ถูกต้อง 
ถ้าทำขึ้นหนักจริง ๆ นะ ถ้าขายของเป็นน้ำหนัก น้ำหนักจะสูงขึ้น แล้วก็ไม่สูงแต่ของเราเอาไปขายคนอื่นต่อก็สูง นี่เขาทำมาแล้วนะ

คนที่ไทรย้อยแกขายข้าว ไปซื้อข้าวมาวันนี้ พรุ่งนี้จะเอาไปขึ้นโรงสี แกก็พรมน้ำมนต์ก่อน พอถึงบ้านก็พรมน้ำมนต์หน่อยพอขึ้นโรงสีปรากฏว่าน้ำหนักสูง

ถ้าหากว่าของที่เก็บไว้ในปีบในถุงในอะไรก็ตาม จะมีปริมาณสูง 

เมื่อก่อนหลวงพ่อปานท่านบอก เอาข้าวใส่ยุ้งฉางให้เรียบร้อย ตวงให้ดี แล้วนับให้ดี ทำมาจนกว่าจะถึงฤดุออกมาใช้ได้ขายแล้วตวงมันจะมากกว่าทุกคราว

จำเอาไว้นะ ถ้าปฏิบัติทุกคนจะไม่จน ฉันอยากให้ทุกคนรวย ฉันจะได้รวยด้วย พระแช่งให้ชาวบ้านจนก็ซวย พระไม่มีกินน่ะซิ"

 

 

 

 

 

 

Free Web Hosting